คาราเต้มีกี่สาย ประวัติโดยย่อของ karate ?
คาราเต้มีกี่สาย ประวัติโดยย่อของศิลปะการต่อสู้ karate จากประเทศญี่ปุ่น การต่อสู้ด้วยมือเปล่า คาราเต้ มาจากภาษาอะไร มีรากฐานมาจากทั้งศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนและภูมิปัญญาท้องถิ่นของญี่ปุ่นเอง ในยุคก่อน, มันเริ่มมีการประยุกต์ใช้ภายในครอบครัวของชนชั้นสูง และเป็นศิลปะการต่อสู้ที่สืบทอดไปในรูปแบบของ ริวหรือรูทีน. หากย้อนกลับไปในยุคที่ศิลปะการต่อสู้จีนเริ่มกระจายเข้ามาในญี่ปุ่น, ศิลปะการต่อสู้เหล่านี้ได้รับการประยุกต์ใช้และผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ทำให้เกิดเป็นรูปแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน เมื่อเวลาผ่านไป, วิธีการต่อสู้นี้ได้รับการศึกษาและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ในเชิงการต่อสู้เท่านั้น กีฬาคาราเต้ แต่ยังถูกนำมาใช้เป็นวิธีฝึกฝนจิตใจและความตั้งใจ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างร่างกายและจิตใจการ สอนคาราเต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวคิดหลักของวิธีการต่อสู้นี้. แม้ในยุคสมัยญี่ปุ่นได้รับการเปิดเผยต่อโลกภายนอก ศิลปะการต่อสู้นี้ยังคงรักษาลักษณะเดิมและปรัชญาของมัน เพื่อสืบทอดต่อในรุ่นต่อไป และยังเป็นที่นิยมในหลายประเทศทั่วโลกถึงวันนี้.
คาราเต้ มีกี่สาย และประเภทของคาราเต้มีอะไรบ้าง?
คาราเต้ คือ ศิลปะการต่อสู้ karate นี้เป็นหนึ่งในศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก แต่ในเบื้องหลังความเป็นมา, มีการแบ่งประเภทและสายต่าง ๆ ที่นักศึกษาและนักฝึกมักสนใจ:
1. สายโชตอกัน
- ส่งเสริมการฝึกฝนทางกายและจิตใจในเวลาเดียวกัน
- เน้นการฝึกท่าโต้ตอบและการเคลื่อนที่
ประวัติย่อของโชตอกัน
คาราเต้สายดำ โชตอกันเป็นหนึ่งในสายศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก มันมีรากฐานมาจากญี่ปุ่นและถูกพัฒนาขึ้นโดย ฟุนาคอชิ กิชิน โชโซซู ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 เขาได้รวบรวมและประกอบศิลปะการต่อสู้จากวิธีการต่างๆ ในญี่ปุ่นเข้าด้วยกันเพื่อสร้างขึ้น “โชตอกัน” ซึ่งแปลว่า “วิธีการของมือแก้ว”.
ลักษณะและวิธีการฝึก
- กาต้า (Kata): ในโชตอกัน, กาต้าเป็นหัวใจและวิญญาณของการฝึกฝน มันประกอบด้วยชุดของการเคลื่อนที่และท่าต่อสู้ที่มีรูปแบบแน่นอน การฝึกฝนกาต้าช่วยในการฝึกความจำกาย, สร้างความเข้าใจในรูปแบบการต่อสู้, และปรับปรุงเทคนิค.
- กิฮง (Kihon): หรือพื้นฐาน ซึ่งเน้นไปที่การฝึกฝนเทคนิคพื้นฐาน ต่อเนื่อง อย่างเช่น การตี, การเตะ, การป้องกัน, และการเคลื่อนที่
- คุมิเตะ (Kumite): คือการต่อสู้ที่มีคู่ ทั้งในรูปแบบที่กำหนดไว้และไม่กำหนด โดยมีการฝึกฝนทั้งการต่อสู้อย่างแท้จริงและการต่อสู้ที่มีการจำกัดเทคนิคและกฎ
- ภาวะจิตใจ: นอกจากการฝึกฝนร่างกายแล้ว โชตอกันยังเน้นการฝึกจิตใจ เพื่อสร้างสมาธิ, ความตั้งใจ, และความมุ่งมั่น โชตอกันไม่เพียงแต่เป็นศิลปะการต่อสู้ แต่ยังเป็นวิธีการปรับปรุงตนเองทั้งทางร่างกายและจิตใจ และเน้นไปที่การสร้างความสมดุลระหว่างทั้งสอง.
2. สายโกจูริว
- แนวคิดหลัก: รวมระหว่างวิธีการแข็งแรงและยืดหยุ่น
- ฝึกฝน: การเคลื่อนที่แบบรวดเร็วและการใช้ท่าต่อสู้แบบสมดุล
ประวัติย่อของโกจูริว
โกจูริวหรือ “วิธีการแข็งแรง-นุ่มนวล”, เป็นสไตล์ของคาราเต้ที่มีรากฐานอยู่ที่โอกินาวา, ญี่ปุ่น มันถูกพัฒนาขึ้นโดย จิโกโร เกียนมิโอโช (Chojun Miyagi) ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 การแบ่งประเภทระหว่าง “แข็ง” และ “นุ่ม” เป็นปรัชญาหลักของสไตล์นี้ แสดงให้เห็นถึงการนำเสนอของการทำงานแบบยืดหยุ่นและแข็งแรงที่เป็นมาก่อน
ลักษณะและวิธีการฝึก
- กาต้า (Kata): กาต้าในโกจูริวเป็นการผสมผสานระหว่างการเคลื่อนที่แบบแข็งแรงและยืดหยุ่น ทำให้ได้รูปแบบการต่อสู้ที่สมดุลย์และมีกระแส.
- ซันชิน (Sanchin): หนึ่งในกาต้าที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของโกจูริว ฝึกฝนการหายใจและการเตรียมตัวที่แข็งแรง
- กิฮง (Kihon): การฝึกฝนพื้นฐานเหมือนกับสไตล์คาราเต้อื่น ๆ แต่โกจูริวมีการนำเสนอที่มีความยืดหยุ่นและเร็ว
- คุมิเตะ (Kumite): การต่อสู้แบบมีคู่ในโกจูริว เน้นการใช้เทคนิคแบบเต็มที่และการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ
- การหายใจ: การฝึกฝนการหายใจเป็นส่วนสำคัญในโกจูริว เน้นที่การหายใจที่ถูกต้องเมื่อทำเทคนิคต่าง ๆ ซึ่งช่วยในการเพิ่มพลัง โกจูริวนำเสนอการผสมผสานของแข็งแรงและยืดหยุ่น ทั้งในการเคลื่อนที่และเทคนิค ปรัชญานี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงวิธีการที่สมดุลย์และสามารถปรับตัวในสถานการณ์ต่อสู้ที่แตกต่างกันได้.
3. สายวาโด-เร (Wado-Ryu)
- การแสวงหาความรู้สึกและสมาธิในการต่อสู้
- เน้นการฝึกฝนทางจิตใจ
ประวัติย่อของสายวาโด-เร
วาโด-เรหรือ “สายแห่งทางแห่งความสงบ” ถูกก่อตั้งขึ้นโดย โอฮึซึกะ ฮิร็อนอริ ในปี พ.ศ. 2470 (ค.ศ. 1930) ในประเทศญี่ปุ่น หลังจากที่เขาได้ศึกษาและฝึกฝนมาในหลายสายสไตล์ของการศึกษาศิลปะการต่อสู้ โอฮึซึกะ ได้ผสมผสานหลายประเด็นจากสไตล์สายต่าง ๆ และผสมผสานไปกับแนวคิดของตนเองเพื่อสร้างขึ้นสไตล์วาโด-เร
ลักษณะของสายวาโด-เร
- เคลื่อนที่: การเคลื่อนที่ในวาโด-เรมีการส่งกำลังที่นุ่มนวลและไหลเวียน ประกอบไปด้วยการหันตัวและการเลื่อนขา
- ความรวมมือ: มีการใช้เทคนิคการต่อสู้ที่เน้นไปที่การใช้งานการต่อยและการเตะ
- การป้องกัน: การป้องกันในวาโด-เรมีการใช้เทคนิคแบบยืดและเบียดเสียด
วิธีการฝึกฝน
- กาต้า: การฝึกฝนกาต้า (ฟอร์มหรือชุดเซ็ตของเทคนิค) เป็นส่วนสำคัญของการฝึกฝนในวาโด-เร
- กิฮอน: คือการฝึกฝนเทคนิคพื้นฐาน
- คุมิเตะ: คือการฝึกฝนการต่อสู้ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่มีกฎข้อบังคับ การฝึกฝนในวาโด-เรเน้นไปที่การเคลื่อนที่ที่มีความสมบูรณ์แบบ, การใช้งานกำลังในแบบที่มีประสิทธิภาพ, และการเชื่อมต่อระหว่างจิตใจและร่างกาย.
4. สายคิโยกุชิน (Kyokushin)
- การสร้างแรงจากภายใน
- การฝึกฝนทางกายกับการใช้เทคนิค
ประวัติย่อของสายคิโยกุชิน
สายคาราเต้ คิโยกุชิน, ซึ่งหมายถึง “การค้นหาความจริงที่สุด” หรือการศึกษาสูงสุด, ถูกก่อตั้งขึ้นโดย มาซัตาสะ โอยามา ในปี พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1964) ในประเทศญี่ปุ่น. โอยามา มีประสบการณ์ในหลายสายสไตล์ของการศึกษาศิลปะการต่อสู้ เขาเชื่อมต่อความรู้จากสไตล์ต่าง ๆ เพื่อสร้างขึ้นสไตล์คิโยกุชิน
ลักษณะของสายคิโยกุชิน
- การต่อสู้: คิโยกุชินเป็นหนึ่งในสไตล์ที่เน้นการต่อสู้แบบเต็มต่อม โดยไม่มีการใส่เครื่องแบบป้องกัน (full-contact sparring) และเป็นที่รู้จักในการแข่งขันคิโยกุชินที่รุนแรง
- เทคนิค: มีการใช้เทคนิคทั้งการต่อยและการเตะ และเน้นการฝึกฝนเทคนิคพื้นฐานอย่างหนัก
- การป้องกัน: การป้องกันในคิโยกุชินเน้นการใช้ตำแหน่งตัวในการหลีกเลี่ยงและการบล็อก
วิธีการฝึกฝน
- กาต้า: คิโยกุชินมีกาต้าเฉพาะเส้นทางที่ต้องการให้นักศึกษาศึกษาและฝึกฝน
- กิฮอน: การฝึกฝนเทคนิคพื้นฐาน
- คุมิเตะ: การฝึกฝนการต่อสู้แบบเต็มต่อม
- เทคนิคพิเศษ: เช่น การฝึกการเตะต้นไม้หรือการต่อยต้นไม้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและความทนทาน
เอกลักษณ์ของคิโยกุชินคือการฝึกฝนที่รุนแรงและการทดสอบกาต้าที่มีความยากและมีความท้าทาย. การฝึกฝนในสไตล์นี้เน้นทั้งการฝึกจิตใจและร่างกายเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งในทุกด้าน แม้แต่ละสายจะมีแนวทางและเน้นในการฝึกฝนที่แตกต่างกัน, แต่ทั้งหมดยังสืบทอดปรัชญาหลักของศิลปะการต่อสู้จากประเทศญี่ปุ่นนี้อยู่คือ การสร้างสมดุลระหว่างร่างกายและจิตใจ.
คาราเต้มีกี่สาย ความแตกต่างระหว่างสายของคาราเต้เป็นอย่างไร?
เคียวคุชิน คาราเต้ ไม่ใช่สไตล์เดียวที่สถิติยืนยัน แต่มันเป็นกระบวนท่าของหลายสไตล์ที่มีความแตกต่างทั้งในประวัติศาสตร์, การฝึกฝน, และเทคนิค. บางสไตล์อาจเน้นไปที่การฝึกฝนกาต้า ท่าคาราเต้ , ขณะที่บางสไตล์อาจเน้นการต่อสู้หรือเทคนิคการป้องกันตนเอง.
ทำไมมีการแบ่งสายในคาราเต้?
1. ประวัติศาสตร์และถิ่นกำเนิด: คาราเต้มีที่มาทั้งจากญี่ปุ่น, โอกินาวา, และบางส่วนมาจากจีน. สไตล์ต่าง ๆ ของคาราเต้บ่งบอกถึงทิศทางที่พวกเขาได้รับอิทธิพล.
2. ความนิยมของผู้สอน: บางครั้ง, สไตล์ใหม่ของ เคียวคุชิน คาราเต้ ถูกสร้างขึ้นเมื่อมีผู้สอนหรือนักศึกษาของศิลปะการต่อสู้ที่ต้องการเน้นหรือสร้างเทคนิคใหม่.
3. การเรียนรู้และการสอน: สายดํา คือ อะไรแต่ละสไตล์มีวิธีการเรียนรู้และวิธีการสอนที่แตกต่างกัน. ตัวอย่างเช่น, การฝึกฝนกาต้า, การฝึกฝนคุมิเตะ, หรือการฝึกฝนการป้องกันตนเองอาจมีความแตกต่างในแต่ละสไตล์.
4. วัฒนธรรมและปรัชญา: แต่ละสไตล์ของคาราเต้มีปรัชญาและหลักการที่แตกต่างกัน. ปรัชญาเหล่านี้อาจมาจากวัฒนธรรม, ศาสนา, หรือประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น.
5. การแข่งขัน: การแข่งขันสามารถมีอิทธิพลต่อการพัฒนาสไตล์ของ คา ลา เต้ บางสไตล์อาจมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดในการแข่งขัน, ในขณะที่บางสไตล์อาจเน้นการต่อสู้แบบเต็มต่อม.การแบ่งสายใน karate ช่วยให้สามารถระบุและเน้นย้ำเทคนิค, ปรัชญา, และเป้าหมายที่แตกต่างกัน. มันยังช่วยในการสร้างความเป็นเอกลักษณ์และประวัติศาสตร์สำหรับแต่ละสาย.
ความสำคัญของแต่ละสายคืออะไร?
แต่ละสายของ เคียวคุชิน คาราเต้ มีความสำคัญและเป้าหมายที่แตกต่างกัน
-
- โชตอกัน: ความสำคัญของสายนี้คือการรักษาและส่งต่อกระบวนท่าที่คลาสสิก และมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนแบบเข้มข้น.
- โกจูริว: นอกจากเทคนิคของคาราเต้ โกจูริวยังผสมผสานการใช้การหายใจและการฝึกฝนของเทคนิคจีน.
- คิโยกุชิน: สายนี้มุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนแบบฝึกฝนจริงในการต่อสู้ และเน้นเป็นพิเศษที่การป้องกันตนเอง และยังมีสายอื่น ๆ มากมายที่มีความสำคัญและเป้าหมายเฉพาะเจาะจงของตนเอง
- สายไหนที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น?
สำหรับผู้เริ่มต้น, การเริ่มต้นกับ โชตอกันหรือ โกจูริว อาจเป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากเหล่านี้เน้นไปที่การฝึกฝนแบบพื้นฐานและกระบวนท่า. แต่ก็ขึ้นอยู่กับความสนใจและเป้าหมายของผู้เรียนด้วย.
- สายไหนที่เน้นทักษะการต่อสู้?
คิโยกุชิน เป็นหนึ่งในสายที่เน้นการฝึกฝนการต่อสู้ในสถานการณ์จริง และการป้องกันตนเอง. นอกจากนี้ สาย คีโยคุชิน และบางสายอื่น ๆ ก็เน้นทักษะการต่อสู้ในการแข่งขัน. แต่สุดท้ายแล้ว, ทักษะการต่อสู้ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน, ความอุตสาหะ, และการฝึกฝนของผู้ฝึกสอนและนักศึกษา.
การศึกษาและฝึกฝนคาราเต้ในปัจจุบัน?
การศึกษาและฝึกฝนคาราเต้ และ กีฬาเทควันโด ในปัจจุบันเป็นผลสืบเนื่องจากประวัติศาสตร์ยาวนานของมันและการพัฒนาผ่านเวลาในหลายๆ วัฒนธรรม. ขณะที่เดิมคาราเต้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อการป้องกันตนเองและเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตแบบเดิม, ในปัจจุบันมันกลายเป็นนิยมในหลายประเทศทั่วโลกและเป็นหนึ่งในสปอร์ตที่ได้รับความนิยมในระดับโลก
1. การแข่งขัน: คาราเต้ได้รับการยอมรับเป็นกีฬาออลิมปิก ซึ่งทำให้มีการฝึกฝนและการแข่งขันในระดับสูงยิ่งขึ้น
2. การศึกษาศิลปะการต่อสู้: นอกจากการฝึกเพื่อการแข่งขัน, คาราเต้ยังถือว่าเป็นศิลปะการต่อสู้ที่สร้างสรรค์ และมีการสอนเรื่องความสมดุล, การควบคุมตนเอง, และการฝึกฝนที่มุ่งเน้นไปที่จิตใจ
3. การฝึกฝนเพื่อการป้องกันตนเอง: คาราเต้ยังให้ความสำคัญกับการป้องกันตนเองในสถานการณ์จริง, ไม่เพียงแต่เทคนิคการต่อสู้เท่านั้น
- ความเกี่ยวข้องของคาราเต้กับการศึกษาศิลปะการต่อสู้ในปัจจุบัน
1.คาราเต้ถือว่าเป็นหนึ่งในศิลปะการต่อสู้ที่ได้รับความนิยมและรู้จักกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก
2.หลายๆ สถาบันการศึกษาได้รวมคาราเต้เข้าไปในหลักสูตรการศึกษากีฬา ซึ่งนอกจากจะช่วยพัฒนาสุขภาพกายแล้วยังช่วยส่งเสริมจิตใจและความมั่นใจในตนเอง
3.คาราเต้ยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและท่องเที่ยว โดยเฉพาะในประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกี่ยวกับคาราเต้ เช่น ญี่ปุ่น คาราเต้ในปัจจุบันไม่เพียงแต่เป็นกีฬาแต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา, วัฒนธรรม, และการศึกษาศิลปะการต่อสู้ คาราเต้ ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย.
บทสรุป
คาราเต้และ กีฬาเทควันโด เป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีความซับซ้อนและลึกซึ้ง คาราเต้มีกี่สาย แต่ละรูปแบบหรือสายของคาราเต้นั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อสะท้อนถึงความเชื่อ, การศึกษา, และวิธีการฝึกฝนที่แตกต่างกัน บางสายมีความเน้นที่การป้องกันตนเองและการต่อสู้ในสถานการณ์จริง ในขณะที่สายอื่น ๆ อาจมีการเน้นย้ำทักษะเฉพาะเจาะจงหรือภาวะจิตใจที่ต้องใช้ในการฝึกฝน ตลอดหลายศตวรรษ, คาราเต้โด ได้รับการพัฒนาและแบ่งสายออกเป็นหลายๆสาย การที่มีหลายสายนั้นช่วยให้ผู้ฝึกฝนสามารถเลือกวิธีการฝึกฝนที่ตรงกับความสนใจและเป้าหมายของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนเพื่อการแข่งขัน, การป้องกันตนเอง, หรือเพื่อสุขภาพกายและจิตใจ การศึกษาและเข้าใจเกี่ยวกับแต่ละสายของคาราเต้จะช่วยให้เราเข้าใจถึงศักยภาพและความเป็นไปได้ที่ศิลปะการต่อสู้นี้สามารถนำไปสู่ และในขณะเดียวกัน, ยังช่วยให้เราเห็นถึงความหลากหลายของวิธีการฝึกฝนและแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาของคาราเต้ในแต่ละสาย.
อ้างอิง
https://en.wikipedia.org/wiki/Kyokushin